ศิลปะของนักปราชญ์
เดิมรูปแบบตัวอักษรเกาหลีและญี่ปุ่นเป็นอักษรจีน
ซึ่งเป็นตัวเขียนที่ยังใช้อยู่ในเอเชียตะวันออกร่วมพันปี
แม้ว่าหลังจากที่เกาหลี ประดิษฐ์อักษรฮันกึล ในปี พ.ศ. 1989(ค.ศ. 1446) ตัวอักษรจีนยังคงใช้ในภาษาทางการ จนถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19
เพราะว่าตัวอักษรจีนมีอยู่นับหมื่นตัว แต่ละตัวมีความแตกต่างกัน
มีวิธีเขียนหลายแบบ หลายความหมาย
การเรียนอ่านและการเขียนตัวอักษรจีนไม่ใชเรื่องง่ายศิลปะการเขียนอักษรจีน
ได้เข้ามาในประเทศเกาหลีเมื่อ 1,500 ปีมาแล้ว
การเขียนตัวอักษรด้วยพู่กันเกาหลีเรียกว่า "บุดกึลซี" ต้องอาศัยปัจจัย 4 ของนักปราชญ์ ได้แก่ หมึก แท่งหินฝนหมึกและกระดาษ
ศิลปินเขียนพู่กันส่วนใหญ่มักเป็นทั้งนักปราชญ์และจิตกร
ศิลปินเหล่านี้อาจใช้พู่กันเล่มเดียวกันเขียนกลอนบรรยายภาพ ภาพวาดเกาหลี
เป็นศิลปะที่มีธรรมเนียมนิยมของตนเองอย่างสมบูรณ์ จิตรกรรม
ภาพจิตกรรมของเกาหลีมีมานานแล้ว
สถาบันภาพวาดก่อตั้งขึ้นในยุคโกกุริวสถาบันแห่งนี้เน้นภาพวาด
ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา
รูปแบบจิตกรรมที่หลากหลายได้พัฒนาสืบต่อกันมาจนถึงสมัยโซชอน
พร้อมนำรูปแบบศิลปะจีนแบบใหม่รวมทั้งเทคนิคการวาดภาพแบบตะวันตก
มีการใช้สีสันสดใสในภาพที่วาดเกี่ยวกับศาสนานี้
พระพุทธรูปในถ้ำซ็อกคูรัม
คุกอัก แบ่งออกเป็นสองประเภท คือ ชองอัก หรือดนตรีในราชสำนัก ซึ่งเป็นดนตรีชั้นสูง มีท่วงทำนองเชื่องช้า เยือกเย็น และซับซ้อน
Girls Generation
สัญลักษณ์ชื่อวงต่างๆ
ศิลปะการร่ายรำแบบเกาหลีแบ่งออกเป็น 2
ประเภทเช่นเดียวกับดนตรี คือ แบบราชสำนักและแบบพื้นบ้าน
ในแบบฉบับของราชสำนักนั้น ท่าทางของการรำจะช้าและสง่างาม
ซึ่งสะท้อนปรัชญาของการเดินสายกลางและการระงับอารมณ์ความรู้สึก
เป็นอิทธิพลมาจากปรัชญาขงจื้อ ในทางตรงกันข้าม
ระบำพื้นบ้าน
นาฏศิลป์เกาหลี มีลีลาอันงดงามอ่อนช้อยอยู่ที่การเคลื่อนไหวไหล่และเอวเป็นส่วนสำคัญ ตามหลักทฤษฎีนาฎศิลป์เกาหลี มี 2 แบบ คือ
1.1 ด้านดนตรี
เครื่องดนตรีตามประเพณีเกาหลีมีประมาณ 60 ชนิด ที่ได้มีการสืบทอดกันจนถึงปัจจุบันเครื่องดนตรีเหล่านั้น มีทั้งพิณ 12 สาย เรียกว่า “คายากึม” และพิณ 6 สาย เรียกว่า “คิวมันโก” พิณทั้งสองชนิดนี้เชื่อว่าน่าจะมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 6
เครื่อง
ดนตรีเกาหลีแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ เครื่องสาย เครื่องเป่า และเครื่องตี
คิมดุกซู ซามัลนอริวงดนตรีประกอบด้วยเครื่องดนตรีประเภทเครื่องตีสี่ชิ้นที่มีชื่อเสียงมากทั้งในเกาหลีและต่าง
ประเทศ ซึ่งเป็นการผสมผสานกันระหว่างบทเพลงเก่าและบทประพันธ์ใหม่ๆ
ทำให้เกิดเป็นผลงานทางดนตรีในมิติใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ชาวเกาหลีได้สร้างวัฒนธรรมที่โดดเด่นผ่านช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนานและมรดกทาง
วัฒนธรรมอันเด่นเฉพาะตัวก็สามารถพบได้ตลอดคาบสมุทรชาวเกาหลีให้คุณค่ากับการ
เรียนรู้และมีชื่อเสียงมากในการอุทิศตนและความมุมานะอุตสาหะบางทีอาจเป็น
เพราะลักษณะเหล่านี้ก็ได้ที่ทำให้พวกเขาสามารถใช้แรงกระตุ้นทางวัฒนธรรมซึ่ง
นำมาประยุกต์อย่างถี่ถ้วนกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
พันซอรี (ดนตรีที่เน้นการแสดงความรู้สึก) และดนตรีพิธีไสยศาสตร์ มีจังหวะที่รวดเร็วและกระฉับกระเฉงคุกอัก แบ่งออกเป็นสองประเภท คือ ชองอัก หรือดนตรีในราชสำนัก ซึ่งเป็นดนตรีชั้นสูง มีท่วงทำนองเชื่องช้า เยือกเย็น และซับซ้อน
มินซกอัน หรือดนตรีพื้นบ้านได้แก่ ดนตรีของชาวนาชาวไร่
เพลงชาติเกาหลีมีชื่อว่า "เอกึกกวา"หมายถึง บทเพลงแห่งความรักต่อประเทศ
ชาวเกาหลีจะร้องเพลงชาติทุกโอกาสที่เป็นทางการ
ไม่ว่าจะเป็นโอกาสแห่งความสุขหรือความทุกข์ เดิมเพลงชาติเกาหลีใช้ทำนองเพลง AULD LANG SYNE (สามัคคีชุมนุม)
ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นทำนองแบบเกาหลีแต่ยังคงเนื้อร้องเดิมไว้
ปัจจุบันนี้ ประเทศเกาหลีใต้ โด่งดังในเรื่องดนตรีแนวเพลง K-pop บางคนอาจจะสงสัยว่าคืออะไร ?
K-Pop คือ เพลงป็อปเกาหลี โดยเฉพาะเพลงจากเกาหลีใต้
ที่มีศิลปินทั้งกลุ่มและเดี่ยวมากมายอย่างเช่น ชินฮวา, โบอา, เรน, เซเว่น,
ทงบังชินกี, โซนยอชิแด, มิสเอ, คารา, วันเดอร์เกิลส์, ซูเปอร์จูเนียร์,
ชายนี่, ทูพีเอ็ม, เอฟ (เอกซ์), ที-อาร่า, เอพิ้งค์ (A Pink), บีสท์,
EXO(เอ็ก-โซ) B.A.P. (บีเอพี)และบิ๊กแบง นอกจากนี้
ยังมีประเทศอื่นที่ได้รับความนิยมด้วย เช่น จีน, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, ฮ่องกง,
ฟิลิปปินส์, ไทย และประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ความนิยมในดนตรีเกาหลีมักจะถูกพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในการเติบโตของความคลั่ง
ไคล้ในกระแสเกาหลี ที่นิยมในวัฒนธรรมเกาหลีของคนเอเชีย
ภาพตัวอย่างศิลปินวงดังที่นิยมในประเทศไทย
Winner
สัญลักษณ์ชื่อวงต่างๆ
1.2 ด้านงานฝีมือ
มีงานฝีมือที่เก่าแก่มากมายในเกาหลี
ส่วนใหญ่มากเป็นงานฝีมือทีเกิดจากการกระทำยามว่างของผู้คนมักใช้วัสดุโลหะ
ไม้ แฟบริก แก้ว ซึ่งหาพบได้ง่ายงานฝีมือส่วนใหญ่ มักได้รับอิทธิพลจากประเทศจีน ประเทศ
เกาหลีได้รับเอาศิลปะการทำเครื่องปั้นดินเผามาจากประเทศจีนเมื่อกว่า 1,000
ปีมาแล้ว
ศิลปะแขนงนี้ได้เจริญรุ่งเรืองและกลายเป็นประเพณีอย่างหนึ่งซึ่งชาวเกาหลีมี
ความภาคภูมิใจเครื่องปั้นดินเผาแบบศิลาดลสีเขียวอมฟ้า
ที่มีความสวยงามแบบลึกซึ้งจากราชวงศ์โคเรียว (ค.ศ.918-1392)
ก็เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางไปทั่วโลกและเป็นที่ต้องการของผู้ที่นิยม
วัตถุโบราณ เช่นเดียวกับเครื่องกระเบื้องสีขาวจากราชวงศ์โชซอน
(ค.ศ.1392-1910)
ศิลปะแขนงนี้ได้เข้าไปมีอิทธิพลต่อศิลปะญี่ปุ่นในยุคสมัยต่าง ๆ
โดยเฉพาะในช่วงที่ญี่ปุ่นที่รุกรานประเทศเกาหลีในช่วงปีทศวรรษ 1950
และทำให้ศิลปะแขนงนี้เจริญรุ่งเรืองในญี่ปุ่นจนถึงทุกวันนี้
เครื่องปั้นดินเผาของเกาหลี
ภาพวาดงานฝีมือชิ้นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกาหลี
1.3 ด้านจิตรกรรม
จิตรกรรมที่พบในเกาหลีในช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์นั้นเป็นศิลปะสกัดหิน ซึ่งแสดงถึงการเผยแพร่ศาสนาพุทธจากประเทศอินเดีย ผ่านทางประเทศจีน จิตรกรรม แบบเกาหลีแตกต่างจากรูปแบบของตะวันตกอย่างสิ้นเชิงด้วยลักษณะลายเส้นและการ ให้สีซึ่งเป็นแบบฉบับเฉพาะตัวของศิลปะตะวันออก การค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับจิตรกรรมโบราณในสุสานหลวงจากยุค สามอาณาจักร 57 ปีก่อนคริสตศักราช ค.ศ. 668) ช่วยให้เราสามารถเข้าใจวิถีชีวิตของคนในสมัยนั้น ต่อมาในสมัยราชวงศ์โคเรียว (ค.ศ.918-1392) ศาสนาพุทธมีความเจริญรุ่งเรืองถึงจุดสูงสุด มีงานจิตรกรรมแบบพุทธ และศิลปวัตถุอื่น ๆ เกิดขึ้นมากมายในวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ส่วนในสมัยราชวงศ์โชซอน (ค.ศ.1392-1910) ลัทธิขงจื้อได้กลายเป็นหลักปรัชญาในการบริหารประเทศ บรรดาปัญญาชนในสมัยนั้นจึงผลิตงานศิลปะที่แสดงถึงอิทธิพลของลัทธิขงจื้อและ ศิลปะแบบจีน ในขณะเดียวกัน จิตรกรรมพื้นบ้านซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่สามัญชนกลับไม่ได้รับอิทธิพลจากแนว ความคิดใดความคิดหนึ่ง จึงมีการใช้เทคนิคการเขียนภาพที่เป็นอิสระ แสดงออกถึงอารมณ์และความรู้สึก รวมทั้งใช้สีสันสดใส เพื่อสื่อถึงพลัง อารมณ์ และความรื่นเริง สำหรับโรงเรียนสอนด้านจิตรกรรมทั้งของแบบเกาหลีและตะวันตกที่เปิดอยู่ใน เกาหลีปัจจุบันก็มีผลงานบางชิ้นที่ผสมผสานกัน
ภาพวาดจิตรกรรมเกาหลีแบบดั้งเดิม
สถาปัตยกรรมอันงดงามของพระราชวังคย็องบก
1.4 ด้านนาฎศิลป์
ศิลปะการร่ายรำแบบเกาหลีแบ่งออกเป็น 2
ประเภทเช่นเดียวกับดนตรี คือ แบบราชสำนักและแบบพื้นบ้าน
ในแบบฉบับของราชสำนักนั้น ท่าทางของการรำจะช้าและสง่างาม
ซึ่งสะท้อนปรัชญาของการเดินสายกลางและการระงับอารมณ์ความรู้สึก
เป็นอิทธิพลมาจากปรัชญาขงจื้อ ในทางตรงกันข้าม
ระบำพื้นบ้าน
วิวัฒนาการของนาฏศิลป์เกาหลีก็ทำนองเดียวกับของชาติอื่น
มักจะเริ่มและดัดแปลงให้เป็นระบำปลุกใจในสงคราม เพื่อให้กำลังใจแก่นักรบ
หรือไม่ก็เป็นพิธีทางพุทธศาสนา
หรือเป็นการร้องรำทำเพลงในหมู่ชนชั้นกรรมาชีพ หรือแสดงเป็นหมู่
นาฏศิลป์ในราชสำนักก็มีมาแต่โบราณกาลเช่นเดียวกัน
ซึ่ง สะท้อนปรัชญาของการเดินสายกลางและการระงับอารมณ์ความรู้สึก เป็นอิทธิพลมาจากปรัชญาขงจื้อ ในทางตรงกันข้าม ระบำพื้นบ้านซึ่งสะท้อนชีวิตการทำงานและศาสนาของสามัญชนจะใช้จังหวะและทำนอง ที่สนุกสนาน เป็นลักษณะของการแสดงออกที่เป็นอิสระและมีชีวิตชีวาของคนเกาหลี เช่น ระบำของชาวนาชาวไร่ ระบำหน้ากาก และการร่ายรำทางไสยศาสตร์
นาฏศิลป์เกาหลี มีลีลาอันงดงามอ่อนช้อยอยู่ที่การเคลื่อนไหวไหล่และเอวเป็นส่วนสำคัญ ตามหลักทฤษฎีนาฎศิลป์เกาหลี มี 2 แบบ คือ
1. แบบแสดงออกซึ่งความรื่นเริง ความโอบอ้อมอารี และความอ่อนไหวของอารมณ์
2. แบบพิธีการ ดัดแปลงมาจากวัฒนธรรมและประเพณีทางพุทธศาสนา
จุดเด่นของนาฏศิลป์เกาหลี
มีลักษณะคล้ายนาฏศิลป์สเปน
คือผู้แสดงเคลื่อนไหวทั้งส่วนบนและส่วนล่างของร่างกายเป็นการผสมผสานระหว่าง
นาฏศิลป์ตะวันตกและนาฏศิลป์ตะวันออกเข้าด้วยกัน
ซึ่งนาฏศิลป์ตะวันตกเน้นหนักในการใช้ขาและร่างกายส่วนล่าง
แต่นาฏศิลป์ตะวันออกจะใช้ส่วนไหล่ แขน และมือ
โรงเรียนนาฏศิลป์เกาหลีสมัยปัจจุบัน จะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. โรงเรียนนาฏศิลป์แผนโบราณ ซึ่งไม่ยอมรับอิทธิพลอื่นใดนอกจากจะรักษาแบบฉบับเดิมไว้
2. โรงเรียนนาฏศิลป์สมัยใหม่ จะรับเอาแบบอย่างของนาฏศิลป์ตะวันตกเข้ามารวมด้วย ซึ่งได้รับความนิยมมากกว่าแบบโบราณ
นาฏศิลป์เกาหลีที่ควรรู้จัก ได้แก่
1. ละครสวมหน้ากาก เนื้อเรื่องมักคล้ายคลึงกัน ลีลาการแสดงนั้นนำเอานาฏศิลป์แบบต่างๆ มาปะติดปะต่อกัน
2. ระบำแม่มดก็เป็นนาฏศิลป์อีกแบบหนึ่ง และการร้องรำทำเพลงประเภทลูกทุ่งนั้นก็มีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
3. ระบำบวงสรวงในพิธีและระบำประกอบดนตรีที่ใช้ในพิธีเลี้ยงต้อนรับในราชสำนัก ซึ่งประกอบด้วยบรรยากาศอันงดงามตระการตาน่าชมมาก
การร่ายรำทางไสยศาสตร์
ระบำของชาวนาชาวไร่
ระบำหน้ากาก
"การได้รู้จักและเห็นคุณค่าของนาฏศิลป์เกาหลีจะช่วยให้นักท่องเที่ยวเข้าใจวัฒนธรรมของคนเกาหลีใต้มากยิ่งขึ้น"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น